คำกล่าวนำเว็บบอร์ด
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด


ปุจฉา ๑) การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้มีพระคุณทั้งหลาย จะทราบอย่างไรว่าผู้นั้นได้รับหรือเปล่า
วิสัชนา : ปัญหาเรื่องนี้กินความกว้างมาก มีผู้ถามปัญหานี้กับผู้เขียนตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณรอยู่ จนมาได้บวชเป็นพระ นับเป็นเวลว ๖๐ กว่าปีแล้วก็ยังมีคนถามอยู่ นี่แหละ ผู้เขียนหวังว่า ถึงผู้เขียนจะตายไปแล้วถเายังมีการทำบุญให้ผู้ตายไปแล้วอยู่ คงจะมีปัญหานี้ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้เขียนจะตั้งประเด็นไว้เป็นข้อๆเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย และกันความหลงลืมดังนี้
๑) ทำบุญให้แก่ผู้ที่ตายไปแล้ว
๒) ทำอย่างไรจึงจะทราบได้ว่า ผู้นั้ได้รับหรือเปล่า
๓) ถ้าผู้นั้นไม่ได้รับบุญอันนั้น จะเป็นของใคร

๑) ทำบุญโดยส่วนมาก ๙๗ เปอร์เซ็นต์ เพื่ออุทิศแก่ผู้มีพระคุณทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้น
พุทธมีดีตรงนี้แหละ พุ?ะศาสนาสอนให้รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณทั้งหลาย แล้วทำดีเพื่อสนองพระคุณของท่านเหล่านั้น ถ้าไม่รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณแล้ว คนเราก็จะกลายเป็นเดรัจฉานไปหมด การทำความดีคือบุญกุศลนี้ ย่อมทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษแก่ตนเองและคนอื่น ทำในที่เปิดเผย ไม่ทำในที่ลับด้วย และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่เหมือนกับคนที่ทำความชั่ว ทำความชั่วนั้นทำด้วยความเศร้าหมองไม่ผ่องใสและก็ทำในที่ลับไม่เปิดเผยด้วย ทั้งไม่อุทิศส่วนบาปนั้นให้แก่ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ถึงแม้อุทิศให้แก้ใครก็ไม่มีใครอยากรับ เพราะเป็นของเศร้าหมอง

ทำบุญให้แก่ผู้มีพระคุณที่ตายไปแล้วนี้ จงทำด้วย ของบริสุทธิ์ อย่าไปฆ่าเป็ด ไก่ ฆ่าวัว ฆ่าควายมาทำ จะบาปหนักเข้าไปอีก ทำเล็กๆน้อยๆ ด้วยใจผ่องใสบริสุทธิ์ เป็นต้นว่า ตักบาตรถวายพระสงฆ์ บุญก็มากเอง บุญมิใช่เกิดด้วยไทยทานมากๆ แต่เกิดขึ้นจากใจเลื่อมใสศรัทธาต่างหาก เปรียบเหมือนเทียนที่เรามีอยู่แล้วไปขอต่อจากคนอื่น เทียนของคนอื่นก็ไม่ดับของเราก็ได้ไฟสว่างมา เหตุนั้นบุญในพระพุทธศาสนาจึงหมดไม่เป็น คนมากี่ร้อยกี่พันเอาหัวใจของตนมาตักตวงเอาบุญในพระพุทธศาสนานี้ก็ไม่หมด บุญยังเต็มเปี่ยมตามเดิม ถ้าทำด้วยความเลื่อมใสแล้ว วัตถุทานมีน้อยก็กลายเป็นของมากเอง
๒) ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าผู้ตายไปนั้นได้รับหรือเปล่า เรื่องนี้เป็นของพูดยาก เพราะผู้ที่ตายไปแล้วก็ไม่ได้ตอบรับเหมือนเราส่งจดหมายไปหากัน อนึ่ง บุญนั้นก็มิใช่จะส่งไปได้อย่างพัสดุไปรษณีย์ เพราะเป็นของไม่มีตัวตน เป็นความรู้สึกภายในใจว่าบุญที่ตนทำนี้ต้องถึงผู้ตายไปแน่ และเราเชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า ทำบุญให้แก่ผู้ตายไปแล้วต้องทำในพระภิกษุผู้มีศีล และเมื่อต้องการอยากให้เขาได้บริโภคอาหาร ก็ต้องทำบุญถวายอาหาร เมื่อต้องการยากจะให้เขาได้เครื่องนุ่งของห่ม ก็ถวายผ้าผ่อนเครื่องนุ่งเครื่องห่ม แล้วอุทิศกุศลนั้นไปให้แก่เขาเหล่านั้น แล้วของเหล่านั้น ก็จะปรากฏแก่เขาเหล่านั้นเอง
๓) เรื่องนี้บอกได้ชัดเลยว่า บุญเป็นของผู้ทำแน่นอน เพราะผู้ทำเกิดศรัทธาเลื่อมใสพอใจในการกระทำบุญ บุญก็ต้องเกิดในหัวใจของผู้นั้นเสียก่อน แล้วอุทิศส่วนบุญนั้น ให้แก่ผู้มีอุปการคุณที่ตายไปแล้ว ได้ชื่อว่าทำบุญสองต่อ คือเราได้บุญแล้วเพราะศรัทธาเลื่อมใสจึงได้บุญ แล้วเราอุทิศส่วนบุญนั้นไปให้แก่ผู้ตายอีก เป็นอีกต่อหนึ่ง

ทำบุญให้ผู้ตายนี้ท่านแสดงไว้ว่ายากนักผู้ที่ตายจะได้รับ เหมือนกับงมเข็มอยู่ในก้นบ่อ แต่ผู้ยังมีชีวิตอยู่ก็ชอบทำ นับว่าเป็นความดีของผู้นั้นอย่างยิ่ง ท่านเปรียบไว้สมมุติว่า บุญที่ทำลงไปนั้นแบ่งออกเป็น ๑๖ ส่วน เอาส่วนที่ ๑๖ นั้นมาแบ่งอีก ๑๖ ส่วน ผู้ตายไปจะได้รับเพียง ๑ ส่วนเท่านั้น ฟังดูแล้วน่าใจหาย เพราะฉะนั้น เราทั้งหลายจึงไม่ควรประมาท ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่นี้ มีสิ่งใดควรจะทำก็ให้รีบทำเสีย ตายไปแล้วเขาทำบุญไปให้จะได้รับหรือไม่ ถึงแม้ได้รับก็น้อยเหลือเกิน

เพราะคนตายแล้วเขาเรียกว่าเปรต ไม่ได้เรียกว่าบิดา มารดา ป้า น้า อา ครูบาอาจารย์ อย่างเมื่อเป็นมนุษย์อยู่นี้หรอก ในบรรดาเปรตเหล่านั้นมี ๑๑ พวก มีจำพวกเดียวที่จะได้รับส่วนบุญที่คนยังมีชีวิตอยู่อุทิศไปให้ เรียกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต เปรตจำพวกนี้ ได้รับทุกข์ร้อนลำบากมาก เพราะในเปรตโลกนั้นไม่มีการทำนาค้าขาย แม้แต่ขอทานก็ไม่มี เสวยผลกรรมของตนที่ทำไว้เมื่อยังเป็นมนุษย์อยุ่นี้เท่านั้น ฉะนั้นเปรตจำพวกนี้แหละ มนุษย์คนที่ยังเป็นอยู่ทำบุญอุทิศไปให้จึงจะได้รับ เปรตนอกนั้นแล้วไม่ได้รับเลย เช่นตายไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้รับ นับประสาอะไร บางทีสามรภรรยานอนอยู่ด้วยกันแท้ๆ ฝ่ายหนึ่งทำบุญขอให้อีกฝ่ายหนึ่งอนุโมทนาด้วย ก็ไม่รับ พวกที่ไปเกิดเป็นเดรัจฉานยิ่งไม่รู้กันใหญ่ ไปเกิดในนรกหมกใหม้ทุกขเวทนามาก ทำบุญอุทิศไปให้ก็ไม่รู้อะไร เพราะกำลังเสวยผลกรรมอันนั้นอยู่ หรือไปเกิดเป็นเทวดาชั้นใดชั้นหนึ่งก็เหมือนกัน เขากำลังเสวยผลบุญของเขาอยู่ เขาจะมาเอากุศลผลบุญของเราอย่างไร
( ต่อ)
โดย ลูกศิษย์วัด 2012-08-14 18:11:59 [IP : 125.24.123.xxx]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

โดย
อี-เมล์
เบอร์โทรศัพท์





คำเตือนเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด

[ ปิดหน้านี้ ]
[ กลับหน้าเดิม ]



วัดอาจาโรรังสี บ้านคำข่า ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ๔๗๑๓๐ โทร. ๐-๔๒๙๘-๑๐๘๗