คำกล่าวนำเว็บบอร์ด
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด


ปุจฉา ๓๐) เวลานั่งสมาธิภาวนา จิตก็จะรวมเข้าไปแล้วนิ่งเฉยสบายมาก และรู้ตัวอยู่ว่านิ่งเฉยสบายไม่คิดนึก
อะไรเลย พอจิตถอนออกมาอยู่ในระหว่างความรู้สึกและคิดนึก แต่มันไม่ไปคิดอารมณ์ใดๆ ในขณะนั้นภาพนิมิตจะมีความรู้สิ่งต่างๆ เป็นต้นว่า เห็นคนเดินเข้ามาหา หรือ ได้ยินแต่เสียงไม่เห็นตัว หรือเห็นภาพคนแปลกหน้ายืนแอบต้นไม้อยู่และถามดูก็ได้ถ้อยได้คำ อันนี้จะมีความจริงแค่ไหน และควรรักษาไว้หรือไม่

วิสัชนา:

เรื่องเหล่านี้จะต้องศึกษากันมากและอธิบายกันยืดยาวจึงจะเข้าใจกันได้ดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จะอธิบายแต่ย่อๆ ในข้อปัญหาที่ถามมานี้พอเข้าใจเสียก่อน ข้อปลีกย่อยหากจะเข้าใจโดยอนุมานตามนี้

เมื่อกำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วจิตจะรวมนิ่งแน่วเข้าเป็นเอกัคตารมณ์สมาธิ แล้วจะไม่มีความคิดนึกอะไรเลย นิ่งเฉย แต่ยังดีที่ยังมีความรู้สึกว่าจิตเรานิ่งเฉย นี้ยังมีสมาธิอยู่ ถ้าไม่รู้ตัว จิตหายวับไปเลย นั้นเข้าฌาณโดยแท้

คราวนี้เมื่อจิตถอนออกมาจากเอกัคตารมณ์สมาธิมาอยู่ในอุปจารสมาธิ คือมีความรู้สึกคิดนึกอยู่ แต่คิดนึกอยู่ภายในใจ ไม่ได้ส่งส่ายออกไปภายนอก คิดอยู่แต่เฉพาะอารมณ์ของใจเท่านั้น ในขณะนี้แหละนิมิตและความรู้สึกต่างๆมันจะเกิดก็เกิดในเวลานั้น แต่มิได้หมายความว่าทุกๆ คนเมื่อจิตเข้าถึงตรงนั้นแล้ว จะต้องเป็นอย่างนั้นทุกๆ คนก็หาไม่ จะเป็นเช่นั้นได้ก็แต่บุคคลผู้มีบุญวาสนาได้เคยสร้างสมมาหลายภพหลายชาติแล้ว นอกนั้นก็จะไม่เป็น ถึงจะไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเจริญภาวนาให้ก้าวหน้าให้ยิ่งๆ ขึ้นไปก็สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้เหมือนกัน ของพรรค์นี้เป็นเพียงเครื่องเล่นของพระอริยเจ้าต่างหาก เรื่องนิมิตต่างๆ หรือความรู้ที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นของจริงหรือไม่ และจะควรรักษาไว้หรือไม่

ขอเฉลยว่า เป็นจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะสมาธิของเราไม่แน่นอน และนิมิตนั้นเป็นธรรมก็มี เป็นของจริงก็มี ที่เป็นธรรมเช่น เห็นคนตายเปื่อยเน่าเฟะอยู่เฉพาะหน้าเป็นต้น แสดงให้รู้ว่าตัวของเราก็จะเป็นอย่างนั้นวันหนึ่งข้างหน้า แล้วให้เราเร่งพิจารณาอสุภกัมมัฏฐานให้มาก อุบายที่เรากำลังพิจารณาอยู่นั้นถูกต้องตามจริตนิสัยของเราแล้ว ความรู้ที่เป็นธรรมนั้น เช่น เกิดความรู้ขึ้นมาว่าธรรมที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าแท้จะต้องมีลักษณะอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ หรือรู้ขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่ได้นึกคิดว่า ธมฺโม หเว รกฺ ธมฺมจารี ผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ธรรมย่อมตามรักษา ดังนี้เป็นต้น
ที่เป็นของจริงนั้น เช่น เห็นคนๆ นั้นเดินเข้ามาหา อยู่มาเขาผู้นั้นก็มาหาจริงๆ หรือ มิฉะนั้นจิตของเขาคิดจะมาหาเรา แต่เขามีอุปสรรคมาไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอริยสงฆ์สาวก จิตของท่านใสบริสุทธิ์แล้ว เมื่อท่านดำเนินไปในที่ต่างๆ พอประสบกับเหตุการณ์ท่านก็ทรงยิ้มแย้มพระโอษฐ์ พระสงฆ์เห็นจึงทูลถามพระองค์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสเหตุนั้นให้พระสงฆ์ฟังว่า เมื่ออดีตครั้งกระโน้นเราได้เสวยชาติเป็นอย่างนั้นๆ มีอาชีพเป็นอย่างนั้นๆ หรือ ทำกรรมอย่างนั้นๆ ได้มาอยู่ ณ ที่นี้มีอายุอยู่นานเท่านั้นปี ตายแล้วไปเกิดในที่นั้นๆ ดังนี้เป็นต้น นี้จัดเข้าในพวกอภิญญา ๖

ที่ถามว่าจะควรรักษาไว้หรือไม่ ตอบว่าจะรักษาหรือไม่รักษา ความรู้อันนั้นจะอยู่ได้อย่างนานก็ราว ๗ วัน แล้วก็จะหายไปเอง มันมีดีที่จะให้รู้ระดับของจิตว่า จิตมันอยู่ระดับไหน จิตจะเกิดความรู้อย่างนี้ จิตพ้นจากระดับไหนมันจึงไม่มีความรู้อย่างนี้ มันจะได้คล่องแคล่วในเรื่องจิตยิ่งขึ้น
โดย ลูกศิษย์วัด 2012-08-23 13:27:55 [IP : 125.24.118.xxx]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

โดย
อี-เมล์
เบอร์โทรศัพท์





คำเตือนเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด

[ ปิดหน้านี้ ]
[ กลับหน้าเดิม ]



วัดอาจาโรรังสี บ้านคำข่า ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ๔๗๑๓๐ โทร. ๐-๔๒๙๘-๑๐๘๗