คำกล่าวนำเว็บบอร์ด
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด


ปุจฉา ๒๘) นับแต่ผมได้รับหนังสือจากท่านเจ้าคุณไปแล้วผมรู้สึกสบายใจมาก เท่ากับได้อยู่ด้วยท่านเจ้าคุณ..
ครับ เพราะท่านเจ้าคุณได้แก้อารมณ์ของผมได้ดีมาก บางทีติดขัดก็เอาหนังสือมาดูแล้วก็แก้ได้ ทำให้จิตใจสว่างมาก เพราะอาศัยร่มเงาของท่านท่านเจ้าคุณ ทำให้จิตรู้ได้ด้วยปัญญาเป็นเป็นขั้นตอนไป บางทีเห็นเป็นอสุภติดอยู่แค่โครงกระดูก บางทีเห็นเป็นของว่างไปหมดทั้งโลก บางทีเห็นไปหมดทั้งโลกเป็นของไม่เที่ยง เกิดดับๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น ผมเห็นว่า ตัณหาอุปาทานนี้มันรุนแรงมาก สามารถครอบงำมนุษย์และสัตว์ทั้งโลกให้อยู่ในอำนาจของมัน มันสร้างเรือนร่างขึ้นมาแล้วมันก็อยู่เอง พอเรือนร่างอันนี้ดับไปมันก็แต่งใหม่ อย่างนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้นได้ ท่านเจ้าคุณผมขอถามปัญหาดังนี้
ทำไมเมื่อทำสมาธิแล้วเอาจิตไปเพ่งกายแล้ว กายนี้จะหายไปพร้อมกับลมหายใจเข้าออก


วิสัชนา:

การที่คุณพิจารณามานั้นถูกต้องแล้ว ขอให้พิจารณาให้มันชำนาญเถิด ให้คงที่อยู่อย่างนั้นแหละ อย่าได้คิดให้เกิดปัญญานอกจากนั้นเลย นั่นเรียกว่าปัญญาเกิดจากสมาธิแท้ ถ้าสมาธิไม่มี ภาพนิมิตมันก็ไม่เกิด ภาพนิมิเกิดแล้ว จิตยิ่งตั้งมั่นขึ้นกว่าเดิม ดีกว่าคิดเอาด้วยอนุมาน ซึ่งคิดไปแล้วจิตไม่ตั้งมั่น พอหายคิดก็ลืมไปพร้อมกับสมาธินั้น แล้วก็ไม่ทำใจแจ่มแจ้งเบิกบานอีกด้วย บางทีคิดเอาด้วยอนุมานอย่างนั้น แล้วจิตกลับเป็นสมาธิแน่วแน่ เห็นชัดด้วยใจของตน ลืมตำราและบัญญัติหมดเห็นด้วยใจของตนจริงๆ ก็ใช้ได้ นี่เป็นปัญญาที่เกิดจากสมาธิ ควรฝึกอย่างนี้แหละเรื่อยไป เมื่อฝึกหัดให้ชำนิชำนาญแล้วมันจะกลับมาเป็นปัญญาวิปัสสนา คือเห็นชัดแจ้งไปในทุกสิ่งทุกอย่างว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน สิ่งทั้งปวงมีสภาพเกิดดับอยู่อย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรมา ทั้งในอดีต ในอนาคต และปัจจุบัน ก็เป็นอยู่อย่างนั้น หมดสงสัยในธรรมทั้งหลาย

วิปัสสนาปัญญานี้มิใชเกิดเป็นได้ง่ายๆดังที่เข้าใจกัน แต่ละมรรคจะเกิดขึ้นได้ครั้งเดียว แล้วจะเกิดอีกไม่ได้ ที่เกิดบ่อยนั้นเป็นเรื่องฌาณต่างหาก เอาฌาณมาเป็นเรื่องของมรรค มันก็จบกันเท่านั้นเอง ปัญหาที่คุณถามว่า ทำไมเมื่อทำสมาธิแล้วเอาจิตไปเพ่งพิจารณากาย แล้วกายนี้หายไปพร้อมกับลมนั้น มันก็หายไปละซี่ สติมันมีพลังสามารถระงับทุกสิ่งทุกอย่าง หากสติมีความรู้ตัวอยู่เฉพาะแล้วเข้าไปเพ่งหรือพิจารณาในสิ่งใดแล้ว สามารถที่จะกำจัดในสิ่งนั้นๆ ได้ เช่น กิเลสที่รุนแรงที่สุด มีโทสะเป็นต้น เมื่อมันจะเกิดก็เพราะขาดสติ พอเอาสติเข้าไปเพ่งหรือพิจารณาโดยรู้ตัวอยู่ แล้วเพ่งหรือพิจารณาเอาแต่สติกับผู้รู้ว่าเราเพ่งพิจารณาโทสะอยู่ โทสะมันก็หายไปทันที ส่วนกายและลมหายใจก็เช่นเดียวกัน เมื่อจิตมันรวมเข้าไปแล้ว มันจะเอาเฉพาะแต่จิต กายและลมก็หายไปเอง

โดย ลูกศิษย์วัด 2012-08-23 13:19:16 [IP : 125.24.118.xxx]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

โดย
อี-เมล์
เบอร์โทรศัพท์





คำเตือนเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด

[ ปิดหน้านี้ ]
[ กลับหน้าเดิม ]



วัดอาจาโรรังสี บ้านคำข่า ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ๔๗๑๓๐ โทร. ๐-๔๒๙๘-๑๐๘๗