คำกล่าวนำเว็บบอร์ด
คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด


ปุจฉา ๒๑) ผมนั่งสมาธิไม่ค่อยได้ ได้แต่ยืนเดินนั้นพิจารณาดี พิจารณาเห็นสิ่งทั้งปวงเป็นธรรมไปหมด
ไม่ว่าในตัวของเราและสิ่งอื่นนอกจากตัวของเราก็เป็นธรรม อันนี้จะใช้ได้ไหม

วิสัชนา:

ที่นั่งไม่ค่อยได้นั้นเพราะเราไม่เคยนั่ง อิริยาบททั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เราเป็นนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน ต้องหัดให้เป็นสมาธิทั้ง ๔ อิริยาบทให้ได้ เราจะเอาตามความชอบใจไม่ได้ เราต้องข่มใจของเราจึงจะเรียกว่าเป็นนักปฏิบัติ อนึ่ง ความตายไม่รู้ว่ามันจะตายในอิริยาบทไหน ต้องหัดให้ชำนิชำนาญไว้ทุกอิริยาบท เราภาวนาก็เพื่อเตรียมตายนั้นเอง เมื่อเราตายในอิริยาบทนั้นๆ มีสมาธิตั้งมั่นก็ไม่เสียที

การพิจารณาสิ่งทั้งปวงในตัวของเราและนอกตัวของเรา มันเป็นธรรมไปหมดนั่นดีแล้ว แต่พิจารณาไปไม่จบสิ้นสักทีนั้นใช้ไม่ได้ เพราะพุทธศาสนาสอนมีที่จบสิ้น จิตผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุงแต่ง ผู้จดจำ ย่อมเป็นไปตามอำนาจของจิต มันเป็นวัฏฏะ มิใช่เราบังคับให้มันนึกคิดปรุงแต่งและจดจำ จึงมิใช่ปัญญาเกิดจากสมาธิ ถึงจะรู้เห็นในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็สักแต่ว่า ไม่ได้เห็นด้วยปัญญาที่แท้จริง นึกคิดเอาตามสัญญาเฉยๆ จะเรียกว่าปัญญาวิปัสสนาไม่ได้ ปัญญาวิปัสสนาต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐาน พิจารณาอะไรทั้งหมด มันอยู่ในที่สมาธิจิตแน่วแน่แห่งเดียว เป็นต้นว่าพิจารณาธาตุ ขันธ์ อายตนะ ในตัวของเรานี่ เห็นเป็นแต่บัญญัติ ไม่มีสมมติว่าเป็นหญิงเป็นชาย จนลงถึงสภาวธรรมได้ เมื่อเข้าถึงสภาวธรรมแล้ว จิตก็ลงเป็นใจ คือนิ่งเฉย คือไม่นึกคิดปรุงแต่งและไม่จำอะไรทั้งหมด แต่ไปรู้ตัวของมันเองอยู่ อย่างนี้เรียกว่าพิจารณาจนไม่มีการพิจารณาอะไรต่อไปอีกแล้ว เมื่อพิจารณาจบแล้ว ความสงสัยลังเลในธรรมทั้งหลายก็ไม่มีเรียกว่าพิจารณาสิ้น คือสิ้นสงสัยนั่นเอง การพิจารณาจบพิจารณาสิ้นนี้ คือจบสิ้นในภูมิของตนและมรรคของตนนั้นๆ นั่นเอง นี่แหละ พุทธศาสนาสอนให้ถึงที่สุดได้ด้วยอาการอย่างนี้ ไม่เหมือนทางโลกยิ่งสอนยิ่งบานปลาย คนเราต้องมีธาตุ ขันธ์ อายตนะเป็นเครื่องใช้ เมื่อจิตถอนออกมาจากสมาธิแล้ว ธาตุขันธ์ อายตนะก็ยังใช้อยู่อย่างเดิม และยังพิจารณาอยู่อย่างเดิม แต่พิจารณาโดยอนุโลม คือพิจารณาเห็นเป็นจริงอย่างนั้น แต่จิตไม่เข้าถึงอุปจารสมาธิ เป็นแต่เห็นโดยอนุโลมอย่างนั้น เพื่อเป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่

พิจารณา ขันธ์ อายตนะลงเป็นสภาวธรรมแล้ว จิตรวมเข้าไปเป็นใจ หยุดนิ่งเฉย ไม่นึกคิดปรุงแต่งนั้นเป็นวิวัฏฏะ เมื่อจิตพิจารณาธาตุ ขันธ์ อายตนะ ถึงแม้จะเห็นแจ้งเห็นชัดเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็ตาม แต่จิตยังไม่หยุดนิ่ง นั่นเป็นวัฏฏะ ถึงมันไม่ยอมหยุดเองแต่เราบังคับให้มันหยุดได้ นั่นสมกับนักปฏิบัติฝึกหัดจิตของตนได้แท้ มิใช่จิตฝึกหัดเรา แต่เราฝึกหัดจิตให้อยู่ในบังคับได้ตามปรารถนาของตน
โดย ลูกศิษย์วัด 2012-08-23 12:55:13 [IP : 125.24.118.xxx]

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

โดย
อี-เมล์
เบอร์โทรศัพท์





คำเตือนเกี่ยวกับการใช้เว็บบอร์ด

[ ปิดหน้านี้ ]
[ กลับหน้าเดิม ]



วัดอาจาโรรังสี บ้านคำข่า ต.ไร่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ๔๗๑๓๐ โทร. ๐-๔๒๙๘-๑๐๘๗